ไม่ว่าผล Admissions จะเป็นอย่างไร อย่าคิดสั้น !!

ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2555 เป็นวันประกาศผล Admissions  2555
มีคนสมหวังประมาณ 64% และ อีก 36 % ที่อาจจะต้องพบกับความผิดหวัง
แต่อยากให้ทุกคนที่สติ จะทำอะไรก็ขอให้คิดอย่างรอบครอบ
ขอนำบทเรียนในอดีตมาให้อ่าน


ข่าวร้ายที่ 1
เจ้าหน้าที่พบกระดาษตกอยู่ 1 แผ่นพิมพ์ข้อความไว้ว่า  

" ตนเองเป็นคนที่ไม่มีอะไร ให้ดีใจ เรียนก็ไม่ได้เรื่อง เรียนไม่จบ ไม่มีอะไรดี ไม่เอาไหน  ไม่มีอะไรดีสักอย่าง ขยะสังคม ไม่มีประโยชน์กับใครอยู่ไปก็เท่านั้น"  เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นข้อความของผู้ตายที่พิมพ์ไว้   จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
 
สอบ สวนทราบว่า  ผู้ตายเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของครู  และ ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่ง เพิ่งจะเรียนจบชั้น ม.6 จากโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ร้อยเอ็ด  และกำลังหาที่ศึกษาต่อระดับปริญญาตรี   จากหลักฐานในที่เกิดเหตุ คาดว่าการฆ่าตัวตายในครั้งนี้ผู้ตายอาจจะมีความกดดันเกี่ยวกับผลการเรียน ประกอบกับยังหาที่เรียนต่อไม่ได้จึงคิดหนัก ตัดสินใจผู้คอตัวเองประชดเพื่อหนีปัญหาดังกล่าว
ผม อยากให้ทุกคนทั้งตัวนักเรียนและผู้ปกครองควรยอมรับความจริง  และที่สำคัญอย่ากล่าวโทษเด็ก   เพื่อนๆอย่าทับทบ แม้จะเป็นการพูดเล่น  แต่คนได้ยินคิดมากแน่นอนครับ   ควรดูแลไส่ใจเพื่อนที่สอบไม่ติดเป็นพิเศษ


ข้าวร้ายที่ 2   สอบติดแต่ไม่ชัดเจน
บุตร ชายเกิดความเครียดเนื่องจากเป็นเด็กเรียนเก่ง มีผลคะแนนแอดมิชชั่น 5,200 คะแนน ตั้งใจจะสอบเข้าเรียนคณะทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา จึงขอสละสิทธิ์โควตามหาวิทยาลัยอื่นเพื่อไปเรียนที่ม.เกษตรฯ แต่ถึงวันประกาศผลกลับไม่มีชื่อบุตรชายติด ม.เกษตรฯ สอบถามสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ก็ไม่ได้ความชัดเจน 
เชื่อ ว่าเป็น ความเครียดที่ลูกชายไม่มีรายชื่อจากการประกาศผลแอดมิชชั่น เพราะหลังจากที่บุตรชายได้ไปขอยกเลิกโควตาที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม แล้ว ได้มาขออนุญาตตนเพื่อไปสอบแข่งขันในระบบแอดมิชชั่น เข้าคณะทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา แต่หลังจากมีการประกาศผลเมื่อต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ลูกชายได้ใช้อินเตอร์เน็ตเช็กดูก็ไม่พบรายชื่อ ทำให้เครียดมากเนื่องจากยกเลิกมหาวิทยาลัยอื่นไปหมดแล้ว 

ต่อ มาลูกชายโทร.ไปปรึกษาลูกพี่ลูกน้องที่เรียนอยู่ ม.เกษตรฯ ก็ได้รับคำแนะนำว่าปัญหาการยกเลิกโควตานั้นเป็นปัญหาทุกปี เพราะถ้าเรื่องยกเลิกมาไม่ทันก็จะไม่มีการคิดผลคะแนนหรือเรียงคะแนนให้ จึงให้โทร. ไปสอบถามกับศูนย์แอดมิชชั่นกลาง ทางศูนย์ก็บอกว่าน้องมีที่เรียนแล้วนี่ ยังไม่เห็นมีหลักฐานการยกเลิกโควตาส่งเข้ามาเลย กระทั่งเมื่อวันที่ 12 พ.ค. ลูกชายเข้ามาพูดคุยกับตน และได้โทร.ไปหาเจ้าหน้าที่ศูนย์แอดมิชชั่นกลางให้ช่วยตรวจสอบดูให้อีกครั้ง ปรากฏว่าคราวนี้เจ้าหน้าที่ของศูนย์บอกว่า “เห็นเรื่องยกเลิกแล้ว แต่มันอาจจะช้าไปบ้างเพราะระบบของทางราชการมันล่าช้า คุณพ่อคงจะเข้าใจ แต่เรื่องที่ไม่มีรายชื่อไม่เป็นอะไร เพราะดูจากคะแนนแล้วสูงกว่าคณะที่ต้องการเรียน” 

เจ้า หน้าที่คนเดิมยังบอกให้ตนพาลูกชายไปสอบสัมภาษณ์ได้เลยในวันที่ 14 พ.ค. เมื่อได้ฟังอย่างนั้นตนจึงบอกให้ลูกชายเตรียมตัวไว้ ในตอนเช้าวันที่ 13 พ.ค. จะออกเดินทาง แต่ไม่ทันได้ไปลูกชายก็มายิงตัวตายเสียก่อน โดยปืนกระบอกดังกล่าวเป็นของปู่ที่เสียชีวิตไปเมื่อ 5 ปีก่อน โดยย่าเป็นคนนำมาให้เก็บไว้ที่บ้าน ตนก็จำไม่ได้ว่าไปเก็บไว้ที่ใดจนปืนขึ้นสนิมหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม อยากจะฝากให้เป็นอุทาหรณ์แก่ผู้ปกครองทุกท่าน ได้ ตรวจสอบและให้คำปรึกษากับบุตรหลานตลอดเวลา เพราะในการเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษานั้นมีปัญหาทุกปี ควรที่จะปรับปรุงระบบการสอบให้ดีกว่านี้ และควรคำนึงถึงเด็กให้มากกว่านี้
นาย สุเมธกล่าวต่อว่า เนื่องจาก ผู้เสียชีวิต สมัครและสอบติดรับตรงในคณะวิทยาการสารสนเทศ ม.มหาสารคาม ดังนั้น ในการประกาศผลแอดมิชชั่นทางเว็บไซต์ สกอ. เมื่อวันที่ 5 พ.ค. จึงไม่ปรากฏชื่อ ผู้เสียชีวิตต่อมาวันที่ 6 พ.ค. ม.มหาสารคามได้แจ้งคืนสิทธินักเรียนให้กับ สกอ. 151 คน เพื่อให้ สกอ.นำคะแนนไปประมวลผลใหม่ โดยมีชื่อนายผู้เสียชีวิต อยู่ด้วย และในวันเดียวกัน ผู้เสียชีวิตก็ ได้โทรศัพท์ร้องเรียนผ่านทางคอลเซ็นเตอร์ของ สกอ.ว่า ได้สละสิทธิรับตรงจาก ม.มหาสารคาม เพื่อมาขอใช้สิทธิแอดมิชชั่นแล้ว ซึ่งในการประมวลผลใหม่นั้น จะใช้เวลา 5 วัน คือ วันที่ 6-10 พ.ค. ในระหว่างนั้นคือ วันที่ 9 พ.ค. สกอ.ก็ได้รับการติดต่อจากผู้เสียชีวิตเพื่อสอบถามความคืบหน้า ทางเจ้าหน้าที่แจ้งกับผู้เสียชีวิตว่าผลประมวลยังไม่เรียบร้อย แต่ขอหมายเลขโทรศัพท์มือถือ โทรสาร อีเมล์ เพื่อติดต่อกลับทันทีที่ทราบผล 
จาก นั้นในวันที่ 10 พ.ค. ช่วงเช้า ผู้ตาย โทร.มาสอบถามที่ สกอ.อีกหลายครั้ง จนเจ้าหน้าที่จำเสียงได้ กระทั่งช่วงบ่าย เมื่อทราบผลการประมวลรอบใหม่ผู้เสียชีวิตก็ โทร.เข้ามา เจ้าหน้าที่แจ้งให้ทราบว่าสอบติดคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน มก. ซึ่งเลือกเป็นอันดับ ที่ 1 หลังจากนั้นผู้เสียชีวิตโทร.เข้า มาอีกหลายครั้งเพื่อสอบถามว่า ทำไมถึงไม่มีชื่อปรากฏอยู่บนเว็บไซต์การประกาศผลของ สกอ. ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงว่า การประกาศผลการคืนสิทธิเป็นกรณีพิเศษ ต้องทำอย่างรวดเร็ว และจะแจ้งให้กับเจ้าตัวทราบโดยตรงทางโทรศัพท์ จะไม่มีการขึ้นเว็บไซต์ แต่ยืนยันว่าผู้เสียชีวิตสอบได้แน่นอน ขอให้เตรียมตัวไปสอบสัมภาษณ์ที่วิทยาเขตกำแพงแสน มก. ในวันที่ 14 พ.ค. พร้อมทั้งส่งโทรสารเอกสารต่างๆให้นายผู้เสียชีวิตแต่นายผู้เสียชีวิตก็ยังมีคำถามต่อมาว่า ต้องเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์ 
อย่าง ไร สอบสัมภาษณ์แล้วจะได้เรียนไหม ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ขอให้ไปเตรียมเอกสาร แต่งตัวให้เรียบร้อย ไปให้ตรงเวลาก็พอ เมื่อถึงวันที่ 12 พ.ค.ผู้เสียชีวิตโทรศัพท์ มาอีกครั้งระบุว่า โทร.ไปที่ ม.เกษตรศาสตร์แล้ว แต่ทางมหาวิทยาลัยไม่ทราบเรื่อง เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าไม่ต้องห่วง เพราะจะจัดส่งเอกสารเพิ่มเติมไปให้ทาง มก.ในบ่ายวันที่ 12 พ.ค.นี้แล้ว และวันเดียวกัน พ่อของนายผู้เสียชีวิตก็ โทร.มาสอบถามอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าไปสัมภาษณ์ได้แน่นอนวันที่ 14 พ.ค.นี้ พร้อมระบุด้วยว่า หากในวันที่สัมภาษณ์พบปัญหาก็ให้ติดต่อกลับมาที่เจ้าหน้าที่ สกอ.ได้ ส่วนสาเหตุที่ไม่มีการนำชื่อของผู้เสียชีวิตที่ มีการประมวลผลรอบสองขึ้นเว็บไซต์นั้น เพราะ การคืนสิทธิครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษ มีจำนวน 130 กว่าคนที่ผ่านการแอดมิชชั่น ซึ่งทุกคนจะทราบว่าจะได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ จะไม่มีการขึ้นชื่อทางเว็บไซต์ แต่จะมีรายชื่อปรากฏอีกครั้งเมื่อผ่านการสอบสัมภาษณ์แล้ว เป็นรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษา 
เลขาธิการ กกอ.กล่าวด้วยว่า กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ สกอ.จะต้องมาทบทวนแนวทางการประกาศผลให้ชัดเจน โดยกรณีที่มีการประกาศชื่อเพิ่มเติมก็อาจจะต้องประกาศรายชื่ออีกครั้ง แต่เป็นคนละเว็บไซต์ กับการประกาศผลครั้งแรก เพื่อเป็นการป้องกันระบบใหญ่ โดยรวม และที่ผ่านมาเมื่อมีการประมวลผลใหม่และมีผู้ผ่านเกณฑ์แอดมิชชั่นเพิ่มเติม มหาวิทยาลัยก็ยินดีที่จะรับเพิ่ม ไม่เคยเบี้ยวสักราย สำหรับกรณีนายผู้เสียชีวิตตนพยายามคิดหาคำตอบว่าปัญหาผิดพลาดอยู่ที่จุดใด แต่ก็ยังไม่พบ 
ถ้าปีนี้ผลออกมาผลไม่ได้เป็นอย่าง คาด  ถ้าเราไม่พบชื่อว่าไม่มีสิทธ์สอบสัมภาษณ์ ขอให้เราใจเย็นๆ  ให้ติดต่อหน่วยงาน สอท  และขอให้อดทนรอ   เชื่อว่าในที่สุดน่าจะผ่านไปได้ด้วยดี

ข่าวร้ายที่ 3 
     ทั้งนี้ ทราบว่า ผู้เสียชีวิต เรียน จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้ว และสอบแอดมิชชั่นส์ติดที่มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตสารสนเทศเพชรบุรี คณะเทคโนโลยีการเกษตร แต่เนื่องจากฐานะทางบ้านไม่ดี พ่อแม่มีอาชีพรับทำเฟอร์นิเจอร์ รายได้แต่ละวันไม่แน่นอน ประกอบกับเศรษฐกิจไม่ดีในช่วงนี้ ทำให้มีรายได้ไม่พอเลี้ยงครอบครัว อีกทั้งยังมีพี่สาวและพี่ชายอีก 3 คน ซึ่งกำลังเรียนอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคสิงห์บุรี และอาชีวศึกษาสิงห์บุรี 
         โดยวันเกิดเหตุ ผู้เสียชีวิต ต้อง นำเงินไปจ่ายค่าลงทะเบียนเป็นนักศึกษาใหม่ แต่พ่อแม่ไม่สามารถหาเงินให้ลูกไปลงทะเบียนได้ ทำให้ ผู้เสียชีวิต เกิดอาการน้อยเนื้อต่ำใจ คิดสั้น
 "เบื้อง ต้นคาดว่ามีไม่น้อยกว่า 100 ครอบครัว ที่มีนักเรียนสอบติด แต่ผู้ปกครองส่วนใหญ่มีฐานะยากจน สาเหตุเพราะมีหนี้สินมากกว่ารายได้ ช่วงเปิดเทอมของทุกปีจะมีผู้ปกครองยอมให้ลูกสละสิทธิ์ไม่ให้ไปเรียนใน มหาวิทยาลัย แม้บางคนจะสอบติดคณะแพทยศาสตร์ก็ตาม ดังนั้นในนามสมาคมคนพิการจึงออกมาแจ้งให้สังคมรับรู้ หรือถ้าใครพอช่วยได้ก็ได้โปรดติดต่อช่วยครอบครัวดังกล่าวด้วย ถ้าคนเก่งของประเทศไทยเราไม่ได้รับการเอาใจใส่ให้ได้เรียนตามที่เขาเก่ง การลงทุนสร้างโรงเรียน สร้างมหาวิทยาลัยก็ไร้ผล" นายสว่างกล่าว  
  ด้านนายธานี ปลูกเจริญ รองผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ กล่าวว่า ได้รับทราบข้อมูลเรื่องเด็กนักเรียนสอบติดแต่ครอบครัวมีฐานะยากจนจากผู้ บริหารโรงเรียนหลายแห่งแล้ว และกำลังหาทางช่วยเหลือ ทุกปีที่ผ่านมาได้ใช้เงินกองทุนกู้ยืมฉุกเฉินของจังหวัดซึ่งมีอยู่ 3 ล้านบาทเศษ ให้กู้ไปสำรองช่วงไปรายงานตัวรายละ 3 หมื่นบาท เมื่อเข้าเป็นนักศึกษาของสถาบันแล้วขอกู้เงิน กยศ.ได้ก็ให้เอาเงินมาคืน จึงขอฝากให้ผู้ปกครองที่จะใช้เงินกองทุนนี้สามารถไปติดต่อที่โรงเรียนต้น สังกัดได้ 

อยากให้มีทุกคนมีสติ ทุกปัญหามีทางออก  
คอยให้กำลังใจกันและกัน  
สุดท้ายขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตทุกคนนะครับ  
หวังว่าปีนี้คงจะไม่มีเหตุการณ์สะเทือนใจแบบนี้เกิดขึ้น

        ขอขอบคุณ :  UNIGANG