เริ่มกันที่แบบแรกการสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีนแบบมาตรฐาน หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ HSK การ สอบในรูปแบบนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจ จะเรียนต่อในประเทศจีน หรือทำงานในบริษัทที่ต้องใช้ภาษาจีนในการสื่อสารค่ะ ชื่อเต็มของการทดสอบคือ การสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน HSK : Hanyu Shuiping Kaoshi (Chinese Proficiency Test) คือ การสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีนมาตรฐานสากลสำหรับผู้ที่ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาที่ สอง โดยแบ่งการสอบออกเป็นสองส่วน คือ สอบข้อเขียน และ การพูด ในการสอบข้อเขียน แบ่งออกเป็น 6 ระดับ การสอบพูด แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ ระดับต้น ระดับกลาง และระดับสูง โดยผู้ที่สมัครสอบข้อเขียนระดับ 4 ขึ้นจะไปสามารถสมัครสอบพูดได้ และการสมัครสอบข้อเขียนและสอบพูด จะต้องสมัครสอบแยกกันค่ะ
แบบที่สอง การสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีนสำหรับเยาวชน YCT : Youth Chinese Test, formerly Young Learners Chinese Test เป็นวิธีการสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีนแบบมาตรฐานสากล โดยเป็นการทดสอบเน้นในกลุ่มนักเรียนระดับประถม และมัธยมต้น ไม่เกินมัธยมปลายค่ะ ใช้วัดความรู้ความสามารถใช้ภาษาจีนในชีวิตประจำวันและการเรียน และสำหรับน้องๆที่สนใจจะเรียนต่อประเทศจีนในระดับมัธยมค่ะ แบ่งการสอบเป็น 2 ส่วน คือ การสอบข้อเขียน จะสอบในระดับของ YCT 1 - 4 และการสอบพูด YCT ในระดับต้น สามารถเทียบเท่ากับ YCT 1,2,3 ส่วน YCT ระดับกลาง เทียบเท่ากับ YCT 4 ค่ะ
หลายๆคนจะมีข้อสงสัยว่า การสอบ HSK และ YCT สามารถนำมาเปรียบเทียบหรือนำมาใช้แทนกันได้หรือเปล่า พี่นัทมี การเปรียบเทียบระดับความสามารถในระดับต่างๆ ของการสอบ YCT และ HSK มาให้ดูกัน
HSK YCT (ใหม่) จำนวนคำศัพท์
HSK ระดับ6 - 5,000 คำขึ้นไป
--------------------------------------
HSK ระดับ5 - 2,500
--------------------------------------
HSK ระดับ4 - 1,200
--------------------------------------
HSK ระดับ3 YCT ระดับ4 600
--------------------------------------
HSK ระดับ2 YCT ระดับ3 300
--------------------------------------
HSK ระดับ1 YCT ระดับ2 150
--------------------------------------
- YCT ระดับ1 80
--------------------------------------
สำหรับผู้ที่ทำงานแล้ว หรือต้องการที่จะทำงานในบริษัทที่ทำธุรกิจกับประเทศจีน เหมาะสำหรับการสอบแบบที่สามค่ะ การสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีนสำหรับธุรกิจ (Business Chinese Test: BCT) การสอบประเภทนี้คุณสมบัติของผู้สอบไม่ได้จำกัดวุฒิการศึกษา อายุ และระยะเวลาที่เรียนภาษาจีนค่ะ ปกติแล้วการสอบ BCT จะใช้ในการรับสมัครงาน หรือเลื่อนตำแหน่งในบริษัท องค์กรทางธุรกิจ เพราะเนื้อหาที่ใช้ในการสอบ จะเกี่ยวข้องกับธุรกิจ การบริหารงาน มากกว่าด้านวิชาการ แต่ก็สามารถนำไปใช้ประกอบการศึกษาต่อได้นะค่ะ ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละสถานศึกษา การสอบ BCT จะแบ่งเป็น การฟังและการอ่าน(BCT: Listening & Reading)และการพูดและการเขียน(BCT: Speaking & Writing)ผลสอบจะมี ตั้งแต่ระดับ 1-5 ผู้สอบจะได้ระดับใด จะต้องดูผลรวมของคะแนนรวมและคะแนนย่อยของแต่ส่วนประกอบค่ะ
จากการสอบถามข้อมูลจาก อาจารย์ปนัดดา เลาหะโชติ อาจารย์ภาควิชาภาษาจีน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎจอมบึง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การสอบวัดระดับภาษาจีนแล้วโดยส่วนใหญ่จะเน้นการสอบ HSK เป็นหลัก ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว HSK เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจจะศึกษาต่อในประเทศจีน หรือผู้ที่กำลังศึกษาในแผนการเรียนภาษาจีน และต้องการวัดระดับความสามารถของตน หากจะเรียนต่อในประเทศจีนในระดับปริญญาตรีต้องมีผล HSK ในระดับ 4 และในระดับ 5 ขึ้นไปสำหรับการศึกษาต่อในปริญญาโท นอกจากนี้ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงการสอบ BCT ว่า เหมาะสำหรับที่ผู้ที่สนใจจะประกอบธุรกิจที่ต้องติดต่อกับประเทศจีน หรือพนักงาน บริษัทเอกชนมากกว่านักเรียนนักศึกษา และ YCT ซึ่งมีการจัดการสอบขึ้นใหม่ล่าสุด เหมาะกับกลุ่มนักเรียน และเด็ก ในระดับประถามศึกษาและมัธยมศึกษา เพื่อใช้ในการวัดความรู้ความสามารถ และการสอบเพื่อศึกษาต่อ
ทั้งนี้ อ.ปนัดดา ยังให้ข้อเสนอแนะอีกว่า จะสอบวัดความรู้ภาษาจีนในรูปแบบใด ควรจะรู้วัตถุประสงค์ของการใช้งาน เป็นหลัก เพื่อจะได้ไม่เสียเวลา และค่าใช้จ่ายในการสอบ หากสอบผิดประเภท
มาถึงตรงนี้ น้องๆคงได้ข้อมูลในการในการตัดสินใจบ้างแล้วนะค่ะ ว่าจะเลือกสอบวัดระดับภาษาจีนแบบไหนดี ใครที่กลังมองหา ภาษาที่ 2 -3 หรือ 4 เพื่อเพิ่มความรู้ความสามารถให้กับตัวเอง ลองพิจารณาภาษาจีน เป็นตัวเลือกดูนะค่ะ อาจจะดูเหมือนเป็นภาษาที่เรียนยาก แต่แน่นอนว่า ภาษาจีนจะช่วยน้องๆหางานทำได้ง่ายขึ้นแน่นอนค่ะ